จากหนึ่งความเกลียดสู่สตาร์ฮีโร่ของทีม แรงบันดาลใจจากราฮีม สเตอร์ลิ่ง

 

ปีกทีมชาติอังกฤษ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง คงจะมุ่งมั่นมาเป็นพิเศษในการปิดทัวร์นาเม้นต์ที่น่าจดจำสำหรับเจ้าตัว ด้วยการสร้างแรงบันดาลใจพาทีมไปสู่ชัยชนะเหนือทีมชาติอิตาลีให้ได้ เพื่อตอบโต้ทุกความเกลียดชังให้กลายเป็๋นเสียงชื่นชม

 

 

จากการเป็นกองหน้าที่ตกเป็นแพะรับบาปอยู่เสมอ ราฮีม สเตอร์ลิ่งจะกลายเป็นตำนานของทีมชาติอังกฤษ หากทัพสิงโตคำรามคว้าแชมป์เมเจอร์แรกในรอบ 55 ปีได้

 

อังกฤษจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ขึ้นในวันอาทิตย์นี้ได้หรือไม่ ส่วนหนึ่งก็ต้องคาดหวังกับความเร็วและกลเม็ดในการปั่นหัวทัพอิตาเลี่ยนของราฮีม สเตอร์ลิ่ง นักเตะจากแมนฯ​ ซิตี้ด้วย

 

ที่ผ่านมานักเตะวัย 26 ปีมักตกเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอลจากการเล่นในสนาม ถูกวิจารณ์ในฐานะลูกรักของแกเร็ธ เซาท์เกต ที่มักได้ลงเล่นหรือออกสตาร์ทตัวจริงก่อนหน้าแข้งรายอื่นที่แฟนบอลอยากเห็น ไม่ว่าจะเป็นจาดอน ซานโช่ หรือแจ็ค กรีลิช ซึ่งไม่ใช่แค่ในทัวร์นาเม้นต์นี้ แต่แทบจะตลอดการเล่นทีมชาติที่ผ่านมา

 

ส่วนหนึ่งพากันวิจารณ์ว่าขนาดในทีมแมนฯ​ ซิตี้ พักหลังเป๊บ กวาร์ดิโอล่ายังจับไว้บนม้านั่งสำรอง พอเกมทีมชาติทีไร เซาท์เกตก็เลือกที่จะใส่ชื่อก่อนทุกทีไป

 

 

แฟนบอลมักมองที่การเล่นของสเตอร์ลิ่งที่พวกเขาไม่ชอบ สไตล์การเล่นที่หวงบอล ไม่ค่อยจ่ายและมักดื้อดึงเล่นยากจนทำให้ทีมเสียโอกาส ตลอดจนการพลาดง่ายๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าถ้าไม่ได้กองหน้าเชื้อสายจาไมก้าคนนี้ อังกฤษคงมาไม่ถึงนัดชิงชนะเลิศแน่

 

สามประตูแรกของอังกฤษในทัวร์นาเม้นต์นี่เป็นผลงานของสเตอร์ลิ่ง แอสซิสต์และการมีส่วนร่วมกับจังหวะได้ประตูของแฮร์รี่ เคน ทั้งเกมกับเยอรมันและยูเครน จังหวะกดดันจนซิมง กายาร์ทำเข้าประตูตัวเองและการเรียกจุดโทษในเกมกับเดนมาร์ก มันจะสมบูรณ์แบบถ้าเขามีส่วนกับการได้ประตูในนัดที่จะเล่นกับอิตาลี

 

ถ้าทีมของเซาท์เกตได้ชูถ้วย แน่นอนว่าคนที่พากันปฏิเสธเขาจะต้องจดจำฝังใจว่าเพราะมีราฮีม สเตอร์ลิ่งในทีม อังกฤษถึงก้าวสู่จุดสูงสุดของยูโร 2020 ได้.

 

Scroll to Top