กุนซือโรแบร์โต้ มาร์ติเนซ คุมเบลเยี่ยมอย่างยอดเยี่ยมมาหลายทัวร์นาเม้นท์ สร้างเหล่านักเตะในยุคที่ได้ชื่อว่าเป็นโกลเด้น เจนเนอเรชั่นของวงการฟุตบอลเบลเยี่ยม และ ดาวเตะชั้นดีของวงการลีกยุโรป แต่พวกเขาต่างกำลังจะก้าวผ่านช่วงพีคที่สุดของการเป็นนักเตะกันแล้ว
One team, one vision, one goal! 🇧🇪#DEVILTIME #EURO2020 pic.twitter.com/Vp2wfMTxpp
— Axel Witsel (@axelwitsel28) June 8, 2021
แผนการเล่นหลัก 3-4-3
ผู้รักษาประตู ธิโบต์ กูร์ตัวส์ นายทวารจากเรอัล มาดริดเป็นมือหนึ่ง รองลงไปเป็นซิมง มิกโญเล่ต์จากคลับ บรู๊ช และแมตซ์ เซลส์ของสตราบูร์ก
แนวรับ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ จากสปอร์และแยน แฟร์ตองเก้นจากเบนฟิก้าจะเป็นสองในสามผู้เล่นหลัก โดยเลือกเจสัน ดีนาเยอร์จากลียง หรือเด็ดริคค์ โบยาต้าจากแฮร์ธ่า หรือโธัส แฟร์มาเล่นจากวิสเซิ่ล โกเบมาเข้าชุด
กองกลางตัวรับ เลนเดอร์ เด็นด็องค์เคอร์จากวูล์ฟหรือเอเซล วิทเซลของดอร์ทมุนด์จะได้รับเลือก 1 คน ขณะที่ตัวรุกตอนนี้ต้องดูอาการบาดเจ็บของมือวางอันดับหนึ่งเควิน เดอ บรอยน์จากแมนฯ ซิตี้ ถ้าไม่ไหวก็จะใช้ยูริ ตีเลอมองส์ของเลสเตอร์ โดยมียานนิกก์ คาราสโก้จากแอตฯ มาดริดทะยานทางฝั่งซ้าย และธีโมธี กาสแตงน์ของเลสเตอร์วิ่งขึ้นลงทางขวา หรือเป็นโธมัส มูนิเย่ร์จากดอร์ทมุนด์ในการเข้าคู่กับวิทเซล ขณะที่เดนนิส เปรตต์ของเลสเตอร์และฮานส์ ฟานาเค่นก็รอโอกาสไปก่อน
แนวรุกถือเป็นความอันตรายสูงสุดของทีมเบลเยี่ยมยุคนี้ โรเมลู ลูกากูการันตียอดดาวยิงคนหนึ่งของยุโรปและเต็งดาวซัลโว เนื่องจากมีขุมกำลังซัพพอร์ตชั้นดี โดยมีสองพี่น้องอาซาร์ทั้งเอเด็น ตัวเก๋าและธอร์เก่น ที่ฟอร์มกำลังพีค
ขณะที่ตัวรุกอื่นๆ ก็มีชื่อเสียง มิกกี้ บัชชัวยี่จากเชลซี ดรีส์ เมอร์เท่นส์จากนาโปลี คริสเตียน เบนเตเก้ของคริสตัล พาเลซ นาเซอร์ ชาดลี่จากบาห์ซัคเซเฮียร์ เลอันโดร ทรอสซาดจากไบร์ทตันและเจเรมี่ โดกูของแรนส์
โปรแกรมการแข่งขัน
13 มิถุนายนพบเจ้าบ้านรัสเซียที่เซ้นต์ ปีเตอร์เบิร์ก ก่อนย้ายมาเล่นนัดสองกับเดนมาร์กที่โคเปนเฮเก้นวันที่ 17 มิถุนายน และเกมนัดสุดท้ายกับฟินแลนด์ในวันที่ 22 มิถุนายนที่เซ้นต์ ปีเตอร์เบิร์กอีกครั้ง
60 goals and counting. 😍 #DEVILTIME pic.twitter.com/fnWx80UOhi
— Belgian Red Devils (@BelRedDevils) June 7, 2021
ภาพรวมทีม
การคุมทีมอย่างต่อเนื่องของโรแบร์โต้ มาร์เตเนซ ทำให้เขามีขุมกำลังหลักที่อยุ่ร่วมกันมานาน และด้วยคุณภาพระดับก้าวขึ้นไปครองเบอร์หนึ่งของโลกมาแล้ว ทำให้การยืนระยะความสำเร็จของทีมยังอยู่ในระดับสูง
นับตั้งแต่ปีที่แล้ว เบลเยี่ยมลงทำการแข่งขัน 13 เกม แพ้เพียงนัดเดียวให้อังกฤษในเนชั่นส์ ลีก และเสมอไป 3 เกม แม้การอุ่นเครื่องสองเกมก่อนเข้าเมเจอร์จะเสมอกรีซ 1-1 และเฉือนโครเอเชียแค่ 1-0 แต่เป็นการเล่นแบบถนอมตัวสุดฤทธิ์ เพราะโรแบร์โต้ มาร์ติเนซรู้ว่าลูกทีมตอนนี้หลายคนกรำศึกมาหนักและได้รับบาดเจ็บสะสม โดยเฉพาะเควิน เดอ บรอยน์ ที่เจ็บจากเกมนัดชิงถ้วยยุโรปจนเสี่ยงจะไม่ได้เล่นรอบแบ่งกลุ่มนัดแรกแล้วด้วย
คุณภาพผู้เล่นของเบลเยี่ยมเรียกว่าเพียงพอที่จะคว้าชมป์ระดับเมเจอร์มานานแล้ว โดยเฉพาะในเกมฟุตบอลโลก 2018 ที่จบเพียงอันดับสามเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ดังนั้นในยูโร 2020 อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายของยุคทองที่จะมีผลงานแชมป์ประดับเกียรติยศซักครั้ง.