โรแบร์โต้ มันชินี่สวมกอดจิอันลูก้า วิอัลลี่ สะท้อนถึงสปิริตของอัซซูรี่

 

ภาพการสวมกอดกันระหว่างโรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือของทีมอิตาลีกับจิอันลูก้า วิอัลลี่ ผู้ช่วยผู้จัดการทีม หลังจบเกมที่ทีมแดนมะกะโรนีเอาชนะออสเตรีย 2-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายสามารถละลายใจแฟนบอลอิตาเลี่ยนได้อย่างมาก และมันกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งสปิริตและความเป็นนักสู้ของทีมชุดนี้

&nbap;

&nbap;

วิอัลลี่กับกุนซือทีมชาติเป็นเพื่อนเก่าแก่ที่เติบโตมาด้วยกัน ตั้งแต่เล่นให้กับสโมสรซามพ์โดเรีย และพาทีมคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรย อา ในปี 1991 ต่อด้วยการเข้าถึงนัดชิงยูโรเปี้ยน คัพในปีต่อมา ที่พ่ายให้กับบาร์เซโลน่าในช่วงต่อเวลาพิเศษ 1-0

&nbap;

วิอัลลี่กับมันชินี่สร้างความเป็นคู่หูในแดนหน้าในทีมซามพ์โดเรีย จนได้ฉายาว่าเป็นคู่แฝดจอมสังหาร และสานต่อความสัมพันธ์มายาวนานแม้ว่าวิอัลลี่จะย้ายออกจากทีมไปอยู่กับยูเวนตุสในฤดูกาลต่อมาก็ตาม

&nbap;

วิอัลลี่ที่เคยมาเล่นกับเชลซี ก่อนจะกลายเป็นผู้เล่นและผู้จัดการทีมในปี 1998 สามารถสร้างชื่อเป็นกุนซือชาวอิตาเลี่ยนคนแรกในเวทีพรีเมียร์ ลีก ทีมเชลซีที่ตอนวิอัลลี่เข้ามาคุมทีมผ่านเข้าถึงรอบรองชนะเลิศลีก คัพและรอบก่อนรองชนะเลิศ คัพ วินเนอร์ คัพ ซึ่งสุดท้ายก็จบด้วยการเป็นแชมป์ทั้งคู่
นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ เอฟ เอ คัพในปี 2000 ด้วย

&nbap;

กองหน้าหัวโล้นถูกตรวจพบว่าเป็นมะเร็งตับอ่อน และต่อสู้อย่างยาวนานนับปีกับโรคนี้ จนกระทั่งเจ้าตัวออกมาเผยว่าได้เอาชนะโรคนี้เรียบร้อยในเดือนพฤศจิกายน 2018 ซึ่งภายหลังมีการเปิดเผยในช่วงกลางปี 2020 ว่าเขาใช้เวลาทำการรักษาจนหายขาดนานถึง 17 เดือนทีเดียว

&nbap;

ในขณะที่โรแบร์โต้ มันชินี่ เข้ามานั่งแท่นคุมทีมอิตาลีหลังยุคตกต่ำจากการพลาดเล่นบอลโลก 2018 ทีมในตอนนั้นก็ยังคงไม่มีหัวหน้าทีมประสานงาน ผู้เสมือนเป็นมือขวาของกุนซือ หลังจากที่ลุยจิ ริว่า รีไทร์จากหน้าที่ในปี 2013 จนวิอัลลี่ประกาศว่าหายขาดในปี 2018 ปีต่อมามันชินี่ได้ชวนเพื่อนเก่ามาสร้างทีมอิตาลีด้วยกัน

&nbap;

&nbap;

ภาพที่วิอัลลี่กับมันชินี่กอดยินดีกัน หลังจากที่เคียซ่าคนลูกเปลี่ยนตัวลงไปและทำประตูชัยในช่วงต่อเวลาพิเศษ กลายเป็นภาพที่แม้แต่ประธานโอลิมปิคอิตาลียังบอกว่ารูปเดียวนี้แทนได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

&nbap;

โรแบร์โต้ มันชินี่เคยพูดถึงทีมของเขาว่า “เราไม่ได้มีแค่ 11 คนที่ออกสตาร์ทเกม แต่มันเป็น 26 คนที่เริ่มไปด้วยกัน” นี่แสดงให้เห็นว่ามันไม่ใช่แค่คำพูด.

&nbap;

Scroll to Top