โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แนวรุกชาวอียิปต์ของลิเวอร์พูล ทำผลงานเป็นสถิติใหม่ส่วนตัวและสโมสรใหม่สโมสร หลังกดแฮททริกช่วยหงส์แดงบุกชนะอริตลอดกาล แมนฯ ยูไนเต็ด 5-0
MO SALAH SCORES IN HIS 10TH STRAIGHT GAME 🤯 pic.twitter.com/L7lAKSFZhr
— B/R Football (@brfootball) October 24, 2021
เกมที่โอลด์ แทร็พฟอร์ด เปิดฉากอย่างเป็นใจกับลิเวอร์พูล เมื่อใช้เวลาแค่ 5 นาทีได้ประตูขึ้นนำจากการจ่ายของซาลาห์ให้นาบี เกอิต้าหลุดไปเลือกทางยิงผ่านเดวิด เด เกอา อย่างง่ายๆ ก่อนจะมาได้ประตูที่สองจากจังหวะชาร์ตจ่อๆ ของดิโอโก้ โชต้า
จบครึ่งแรก สาวกของแมนฯ ยูไนเต็ดทั้งสนามต้องตกอยู่ในสภาพไม่อยากเชื่อสายตา เมื่อสกอร์ขยับไปเป็น 4-0 จากการทำอีกสองประตูของโมฮาเหม็ด ซาลาห์ในนาที 38 และทดเจ็บครึ่งแรกนาทีที่ 5
ครึ่งหลังโม ซาลาห์มาทำแฮททริกให้ทีมได้อีกในนาที 50 พาตัวเองขึ้นไปเป็นเจ้าของสถิติแข้งแอฟริกาที่ยิงประตูมากสุดในพรีเมียร์ ลีก และเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงแฮททริกในโอลด์ แทร็พฟอร์ด นับตั้งแต่โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติบราซิลทำไว้เมื่อ 18 ปีก่อน ตอนที่เรอัล มาดริดมาเยือนในเกมแชมเปี้ยนส์ ลีก แถมด้วยการเป็นนักเตะคนแรกที่ยิงต่อเนื่องในรังเหย้าผี 3 เกมติด
นอกจากนี้โม ซาลาห์ ยังขยายสถิติยิงต่อเนื่องสูงสุดให้สโมสร โดยทำได้เป็นนัดที่ 10 พร้อมกับเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หงส์แดงมีเกมเยือนที่สุดโหดในฤดูกาลนี้ เนื่องจากยังคงรักษาจำนวนการยิงประตูตั้งแต่ 3 ลูกขึ้นไป ในนัดเยือนตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา รวมแล้ว 9 นัด
Every Manchester united fan has had enough!!!! 🤬
Bye 👋 Ole#OleOut #MUNLIV pic.twitter.com/umRac4A5wG— 𝑮𝒆𝒆𝒛𝒆𝒓 (@jessymwanzia) October 24, 2021
หลังเกมกระแสแฟนบอลที่ไม่พอใจเกมนี้มีสูงมาก โดยสื่อถ่ายทอดสดฉายภาพมุมสูง เห็นแฟนบอลหลายร้อยคนเดินออกจากสนามตั้งแต่หมดครึ่งแรก และเพิ่มจำนวนเต็มถนนเมื่อเหลืออีกถึงครึ่งชั่วโมงก่อนจะจบเกม ตามด้วยเสียงเรียกร้องให้ปลดโอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือชาวนอร์เวย์ที่สโมสรออกมาหนุนหลังก่อนหน้าเกมนี้อย่างหนักแน่นว่ายังจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป