เวลาไล่ล่าความสำเร็จที่เหลือน้อยลงของเบลเยี่ยมยุคทอง

ชื่อของเควิน เดอ บรอยน์, โลเมลู ลูกากู หรือเอเด็น อาซาร์ และคนอื่นๆ ถูกยกว่าเป็นสมาชิกของทีมชาติเบลเยี่ยมในยุคที่ได้ชื่อว่าเป็น “โกลเด้น เจนเนอเรชั่น”

 

การจบผลงานเวิร์ล คัพ 2014 ที่บราซิลด้วยรอบ 8 ทีมสุดท้าย ต่อด้วยรอบ 8 ทีมในยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018 ที่รอบรองชนะเลิศ นี่คือระยะเวลา 8 ปีของเหล่าแข้งดังปัจจุบัน สมาชิกของทีมที่เคยผงาดความอันดับหนึ่งของฟีฟ่า เวิร์ล แร้งค์กิ้งอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ดูเหมือนว่าซัมเมอร์นี้จะเป็นโอกาสสำคัญครั้งสุดท้ายของพวกเขา หากมุ่งหวังที่จะคว้าโทรฟี่

 

ผู้เล่นพรสวรรค์ในชุดนี้ของเบลเยี่ยมก้าวสู่ความเป็นพ่อคนกันเพียบ แยน แฟร์ตองเก้น, ดรีส์ เมอร์เท่น, โธมัส แฟร์มาเล่น,​เอเซล วิตเซล, เอเด็น อาซาร์และคริสเตียน เบนเตเก้ ขณะที่เควิน เดอ บรอยน์กำลังตามไปสมทบในซัมเมอร์นี้

 

 

แม้จะยังมีโรเมลู ลูกากู, ธิโบต์ กูร์ตัวส์หรือยูริ ตีเลอมองส์ที่เป็นผู้เล่นคุณภาพสูง แต่มันก็รู้สึกได้ว่าบานเลื่อนของช่วงเวลาคืบคลานเข้ามามากขึ้นทุกที

 

อันนี้ยังไม่นับรวมผู้เล่นอย่างธิโมธี กาสตาเญ่, เจสัน ดีนาเยอร์หรือเลอันโดร เด็นดองเกอร์ รวมถึงอัดนัน ยานาไซ ที่ยังเป็นคำถามว่าจะดีพอที่จะทำหน้าที่แทนเหล่าผู้เล่นที่รีไทร์ไปอย่างแวงซ็อง กอมปานี, โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แฟร์ตองเก้นและสมาชิกรายอื่นได้อีกหรือไม่

 

 

กุนซือโรแบร์โต้ มาร์ติเนซเองอาจจะมีขุมกำลังที่ดีมาหลายปีต่อเนื่อง แพ้เพียงแค่ 4 เกมจาก 52 นัดที่คุมทัพ พร้อมกับเปอร์เซ็นต์ชนะสูงถึง 77% คว้าอันดับ 3 เวิร์ล คัพที่รัสเซียมาจากการชนะทั้งบราซิลและอังกฤษ พาทีมก้าวจากจุดตกต่ำที่สุดในปี 2007

 

เบลเยี่ยม โกลเด้น เจนเนอเรชั่นถูกสร้าง มาจากวันเวลาที่ล้มเหลว และกำลังจะเดินหน้าสู่ช่วงที่วัยของนักเตะเป็นกำแพงสำคัญ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่เหล่าขุนพลปีศาจแดงแห่งยุโรปจะสร้างความสำเร็จสูงสุดเสียที พลาดจากนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกครั้งหรือไม่.

 

Scroll to Top