วาลิด เรกรากุย นายใหญ่ทีมชาติโมร็อกโก ผู้อกหักจากเกมรอบรองชนะเลิศกับฝรั่งเศสเปิดใจ เชียร์แชมป์เก่าป้องกันแชมป์ ฟุตบอลโลก ให้ได้
Walid Regragui veut voir les Bleus champions du monde ! 🇲🇦🤝🇫🇷 pic.twitter.com/TrCm2YgbqX
— Foot Mercato (@footmercato) December 15, 2022
สิงโตแห่งแอตลาสกลายเป็นทีมตัวแทนแอฟริกาชาติแรกที่มาได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ ของ ฟุตบอลโลก กาต้าร์ 2022 แต่ก็ต้องยุติเส้นทางแห่งความฝันไว้ด้วยน้ำมือของแชมป์เก่า ทีมชาติฝรั่งเศส
สองประตูของเธโอ แฮร์นันเดสตั้งแต่ต้นเกมและประตูปิดกล่องจากตัวสำรองแรนดาล โคโล มูเอนี่ ทำให้ทีมแชมป์เก่าเอาชนะได้ด้วยสกอร์ 2-0 โดยระหว่างเกมโมร็อกโกมีโอกาสไล่ตามจากลูกตีลังกายิงของจาวาด เอล ยามิกที่ไปจนเสาและอับเดอราซัก ฮัมดัลลาห์ที่ตะลุยเข้าไปถึงเขตโทษแต่ไม่มีจังหวะยิง
โมร็อกโกยังเหลือภารกิจในเกมชิงที่ 3 กับรองแชมป์เก่าโครเอเชียที่คราวนี้ไปไม่ถึงรอบชิงด้วยฝีเท้าของเมสซี่และเพื่อน แต่เท่านี้ก็มากพอที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับชาวโมร็อกโกทั้งชาติได้แล้ว
“เราใส่หมดแม็กของเราไปแล้ว นั่นคืออะไรที่สำคัญที่สุด เราได้โชว์ให้โกลเห็นว่าฟุตบอลของโมร็อกโกเราเป็นอย่างไร และนั่นทำให้เราได้รับการหนุนหลังที่ดีจากแฟนบอล” เรกรากุยกล่าว
“เรามีปัญหานักเตะเจ็บหลายคน เราเสียอักเกิร์ดตอนวอร์ม อัพ, ซายส์, มาซราอุย แต่นั่นไม่ใช่ข้อที่เราจะโทษมัน”
“เราต้องจ่ายให้กับความผิดพลาดเล็กน้อยของเรา และเรากลับมาสู่เกม(หลังเสรยประตู)ได้ไม่ดี ในเชิงเทคนิคเราเล่นเสียมากไปในครึ่งแรก แล้วประตูที่สองก็ฝังเราสนิท ยังไงนั่นก็ไม่ได้ทำลายทุกสิ่งที่เราสร้างมาตลอดรายการนี้”
Morocco can be so proud of their World Cup. They beat Belgium, Canada, Portugal and Spain and made history as the first African nation to reach the semi-finals. Walid Regragui has only been in charge 105 days and has done an outstanding job.🇲🇦 pic.twitter.com/mAjTOInA3x
— Ben Jacobs (@JacobsBen) December 14, 2022
“นี่เป็นการก้าวมาไกลมากแล้ว เรามีนักเตะที่ฟิตแค่ 60-70% เกือบทั้งทีม นักเตะเล่นให้ผมสุดของพวกเขาแล้ว พวกเขามาไกลมากเท่าที่พวกเขาทำได้ ตอนนี้เราจะเชียร์ฝรั่งเศส” นายใหญ่ของโมร็อกโกกล่าว
ถ้าฝรั่งเศสสามารถเอาชนะอาร์เจนติน่าในเกมวันอาทิตย์ได้ที่ลูเซลล์ สเตเดี่ยม จะกลายเป็นทีมแรกที่กลับมาป้องกันตำแหน่งแชมป์ฟุตบอลโลกได้ในรอบ 60 ปี หลังจากที่บราซิลทำไว้เป็นทีมที่สองในประวัติศาสตร์ กับฟุตบอลโลก 1958 และ 1962
ขณะเดียวกันถ้าอาร์เจนติน่าได้แชมป์ จะเป็นสมัยที่ 3 ของพวกเขา และลิโอเนล เมสซี่จะได้ชูถ้วยเป็นครั้งแรกหลังอกหักมาแล้วในปี 2014.