เรอัล มาดริดสางแค้นสุดสะใจ บุกกดบาร์เซโลน่ายับถึงบ้าน 4-0 คาริม เบ็นเซม่า ยิงแฮตทริกพาทีมทะลุชิงโคปา เดล เรย์กับโอซาซูน่า
💪Hasta el final… Y A LA FINAL!🙌🏻 PARTIDAZO! Ahora a Sevilla a por todas!! Orgullo Blanco! Vamos!💪⚽️🙌🏻@RealMadrid @rfef #HalaMadrid #LaCopamola #CopadelRey #BarcelonaRealMadrid #HastaElFinalVamosReal pic.twitter.com/nqr9rsVcmU
— Daniel Ceballos (@DaniCeballos46) April 5, 2023
เกมโคปา เดล เรย์ รอบรองชนะเลิศนัดที่ 2 เป็นบาร์เซโลน่าที่กุมความได้เปรียบจากการทำอยู่ 1-0 ในการบุกไปชนะถึงซานติอาโก้ เบร์นาเบว ดังนั้นการกลับมาเล่นเกมสองที่คัมป์ นู จึงมีลุ้นผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศสูง
แต่ในเกมจริงกลับเป็นคาริม เบ็นเซม่ากับวินิซิอุส จูเนียร์ ที่ทะลายแนวรับของเจ้าบ้านจนพังยับ เบ็นเซม่าทำแฮตทริกกับ 1 แอสซิสต์ ขณะที่วินิซิอุสยิง 1 จ่าย 1 และพาเรอัล มาดริดพลิกกลับมาชนะด้วยประตูรวม 4-1
วินิซิอุส จูเนียร์ เบิกสกอร์แรกก่อนพักครึ่งแรก ซึ่งทำให้ทุกอย่างกลับมาเสมอกันและเป็นดาวยิงฝรั่งเศสที่ทำให้ให้ทุกอย่างแตกต่างสิ้นเชิงในครึ่งหลัง
คาริม เบ็นเซม่าซึ่งเพิ่งยิงแฮตทริกใส่เรอัล บายาโดลิดในลา ลีกาเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว มาเกมนี้เจ้าตัวสามารถโชว์ฟอร์มกดสามประตูซ้ำอีกครั้งเพื่อให้เป็นคืนที่น่าเจ็บปวดสำหรับชาบี เอร์นันเดซต่อหน้าแฟนบอลในคัมป์ นูเกือบ 95,000 คน
ลอส บลังกอสแทบจะสิ้นหวังจากากรตามหลังบาร์ซ่าถึง 12 แต้มในลา ลีกาฤดูกาลนี้ แถมการเจอกัน 3 เกมหลังไล่ตั้งแต่นัดชิงเกมซุปเปอร์ คัพ ตอนมกราคม ต่อด้วยโคปา เดล เรย์นัดแรกต้นเดือนที่แล้ว และเกมเอล กลาสซิโก้ลุ้นแชมป์ลา ลีกา เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ต่างจบด้วยชัยชนะของบาร์ซ่ามาตลอด มันจึงเป็นการสะสางแค้นที่สุดสะใจ
The Copa del Rey final is set 🍿 pic.twitter.com/OZdpxsekTs
— B/R Football (@brfootball) April 5, 2023
เรอัล มาดริดผ่านเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลถ้วยรายการนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2014 โดยจะไปเจอกับโอซาซูน่า ที่พลิกเอาชนะแอตเลติก บิลเบาด้วยประตูรวม 2-1 จากการบุกไปยึดผลเสมอที่ซาน มาเมส ถือเป็นการเข้าชิงชนะเลิศสมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร นับตั้งแต่เคยเข้าไปชิงหนเดียวในปี 2004/2005 ที่ปีนั้นพ่ายเรอัล เบตีส.