เดอ บรอยน์จัดให้ ส่งเบลเยี่ยมเข้ารอบน็อคเอ้าท์ มีแววเจออิตาลีรอบ 8 ทีม

 

เควิน เดอ บรอยน์ มิดฟิลด์ตัวรุกของเบลเยี่ยมโชว์ของทั้งยิง-จ่าย-ประสานงาน พาปีศาจแดงแห่งยุโรปพลิกกลับมาชนะเดนมาร์ก 2-1 ยืนแป้นเข้ารอบน็อคเอ้าท์แบบใสๆ

 

 

โดยเกมที่ปาร์คเค่นในกรุงเคเปนเฮเก้น เดนมาร์ก เจ้าบ้านได้ประตูขึ้นนำเร็ว 1-0 ตั้งแต่เพิ่งพ้นนาทีแรก ปิแอร์-เอมิล ฮอยจ์เบิร์กจ่ายให้ยูสซุป โพลเซ่นยิงเลียดหนีมือติโบต์ กูร์ตัวเข้าเสาไกล รูปแกมครึ่งแรกก็เป็นทางเดนมาร์กที่ดูดีกว่า ได้ลุ้นจะแจ้งหลายครั้ง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถทำประตูย้ำใส่เบลเยี่ยมได้

 

สถานการณ์จะสร้างวีรบุรุษเสมอ เมื่อโรแบร์โต้ มาร์ติเนซตัดสินใจส่งเควิน เดอ บรอยน์ ดาวเตะจากแมนฯ​ ซิตี้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเกมนัดชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกลงสนามตั้งแต่เริ่มครึ่งหลัง และเป็นการลงเล่นครั้งเกมแรกของเดอ บรอยน์ในยูโรครั้งนี้

 

เบลเยี่ยมที่ได้เควิน เดอ บรอยน์ลงสนามมาแทนดรีส์ แมร์เท่นสามารถประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมจนแนวรับของเดนมาร์กปั่นป่วน ก่อนที่จะมาได้จังหวะลากบอลจี้เข้าเขตโทษและส่งไปตรงที่ว่างๆ ให้ตอร์แกน อาซาร์ เพื่อนร่วมทีมพุ่งสอดเข้ามายิงง่ายๆ ในนาที 55 เบลเยี่ยมตามตีเสมอ

 

การประสานงานของผู้เล่นยุคทองทัพปีศาจแดงแห่งยุโรปเฉิดฉายขึ้นไปเป็นลำดับ เมื่อโรแบร์โต้ มาร์ติเนซส่งเอเด็น อาซาร์ลงมาเพิ่มอีกคน และเป็นอาซาร์คนพี่ที่จ่ายบอลแบบถวายพานให้เดอ บรอยน์วิ่งเข้ามายิงเน้นๆ แบบไม่มีตัวบล็อก และเกินระยะมือของแคสเปอร์ ชไมเคิ่ลที่จะพุ่งไปถึงในนาที 70

 

 

สถานการณ์พลิกกลับมาอยู่ในจุดได้เปรียบและเบลเยี่ยมก็ไม่ปล่อยให้เกิดความผิดพลาดใดๆ จนเก็บชัยชนะไปได้ และแมน ออฟ เดอะ แมทช์ก็หนีไม่พ้นชายที่ลุกจากม้านั่งสำรองมาสร้างความเปลี่ยนแปลง นั่นคือ เควิน เดอ บรอยน์

 

เบลเยี่ยมเก็บชัยชนะสองนัดเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม B และลอยลำผ่านเข้ารอบต่อไปแน่นอนแล้ว ซึ่งหากไม่มีเซอร์ไพรซ์ชนิดว่าหล่นไปอยู่ที่สองของกลุ่มหน้าตาเฉย ปีศาจแดงแห่งยุโรปจะเข้าไปในฐานะแชมป์กลุ่มและคว้าโอกาสดีด้วยการเจอกับทีมใดทีมหนึ่งที่ได้ที 3 ดีที่สุดจากกลุ่ม A D E หรือ F ที่ลา คาร์ตูฆ่า ในเซบีย่า ประเทศสเปน ซึ่งเรื่องจะยากหน่อยถ้าหนึ่งในสามทีมยักษ์จากกลุ่ม F คือทีมที่ว่านั่น

 

แต่ถ้าทุกอย่างเป็นไปได้สวยตามแผน เบลเยี่ยมจะได้เจอทีมอ่อนชั้นกว่าทั้งดีกรีและคุณภาพนักเตะ เพื่อเป็นทางผ่านเข้าไปเจอกระดูกชิ้นโตที่คาดว่าจะกลายเป็นไฮไลต์ที่ต้องห้ามพลาด เนื่องจากเส้นทางเดียวกันนั้น ทีมอิตาลีของโรแบร์โต้ มันชินี่กำลังจะมุ่งมาเช่นกัน.

 

Scroll to Top