ฟุตบอลโลก 2020 กำลังจะเริ่มต้นในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้แล้ว โดยมี 32 ทีมเข้าร่วมการแข่งขันที่กาต้าร์รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ประเดิมด้วยการเล่นรอบแบ่งกลุ่ม 8 กลุ่ม
#WorldCup Squads – Group A:
🇶🇦 Qatar
🇪🇨 Ecuador
🇸🇳 Senegal
🇳🇱 Netherlands pic.twitter.com/Hjkbt6bT8n— TNC Football ⚽️ (@TNC_Football) November 15, 2022
เซเนกัล, เนเธอร์แลนด์, เอกวาดอร์ และกาต้าร์ ชาติเจ้าภาพจะอยู่ร่วมกันในกลุ่ม A โดยค่ำคืนวันที่ 20 พฤศจิกายน เจ้าภพจะเปิดหัวการแข่งขันด้วยการพบกับเอกวาดอร์ที่อัล บายต์ สเตเดี่ยม
กาต้าร์ ได้แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเตรียมตัวอย่างไรกับการเป็นเจ้าภาพในช่วงสองสามปีหลัง ด้วยการคว้าแชมป์เอเชียเมื่อปี 2019, เข้ารอบรองชนะเลิศศึกกัลฟ์ คัพ และเล่นได้อย่างโดดเด่นในการถูกรับเชิญไปร่วมรายการโคปา อเมริกาจากการผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์
การลงเล่นในบ้านแน่นอนว่าทีมได้แฟนบอลหนุนหลังอย่างมหาศาล โดยใช้ผู้เล่นส่วนใหญ่จากทีมผูกขาดแชมป์ประเทศอย่างสโมสรอัล ซาดด์ จึงเป็นที่แน่นอนว่าพวกผู้เล่นรู้ดีว่าเพื่อนร่วมทีมแต่ละคนเล่นและมีสไตล์อย่างไร
เนเธอร์แลนด์ เป็นทีมที่มีแนวรับแข็งแกร่งเกือบจะเบอร์หนึ่งของรายการ ภายใต้การนำของเวอร์กิล ฟาน ไดจค์ ทำให้ทีมเสียไปแค่ 8 ลูกจาก 10 เกมของรอบคัดเลือกและเสียแค่ 6 ลูกจากการเป็นแชมป์กลุ่มในเนชั่นส์ ลีก A กลุ่ม
เจ้าของตำแหน่งรองแชมป์ ฟุตบอลโลก 3 สมัย ภายใต้การนำทัพของหลุย ฟาน กัล แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งโดยการไม่แพ้ใครมาแล้ว 15 เกม นับตั้งแต่คุมทีมในเดือนสิงหาคม 2021 โลก
เซเนกัล เผชิญกับข่าวร้ายก่อนเข้าฟุตบอลโลกแค่สัปดาห์เดียว หลังจากที่ซาดิโอ มาเน่ กัปตันทีมคนเก่งจากบาเยิร์น มิวนิคได้รับบาดเจ็บและจะต้องแบกอาการไม่สมบูรณ์ไปร่วมศึกฟุตบอลโลก โดยคราวนี้ลูกทีมของอลิยู ซิสเซ่ดูเหมือนจะต้องพึงพาแนวรับอย่างอับดู ดิยาโล่และคาลิดู คูลิบาลี่ในการป้องกันทีมจากการเสียประตูในรอบแบ่งกลุ่มให้ได้ก่อน
เอกวาดอร์ ลูกทีมของกุสตาโว่ อัลฟาโร่ หวังว่าทีมจะสามารถสร้างเซอร์ไพรซ์กับทีมร่วมกลุ่มได้ พวกเขาตั้งเป้ากับการเล่นเกมสวนกลับเร็ว โดยการเพซซิ่งตั้งแต่แดนบนแล้วแย่งเอาบอลมาส่งให้สามแนวรุกเข้าไปจัดการทำประตู
🇶🇦 Qatar
🇳🇱 Netherlands
🇸🇳 Senegal
🇪🇨 EcuadorWe used Hungry Hippos to predict #WorldCup Group A! 🏆🌍 pic.twitter.com/TRTKvoRUy9
— GiveMeSport (@GiveMeSport) November 14, 2022
แน่นอนว่าเนเธอร์แลนด์กับเซเนกัลเป็นตัวเต็งในการผ่านเข้ารอบน็อคเอ้าท์ โดยการเจอกันของทั้งสองทีมน่าจะเป็นตัวตัดสินว่าทีมไหนจะเข้ารอบเป็นที่ 1 เพื่อเข้าไปเจองานที่ง่ายกว่าจากการเจอที่ 2 ของกลุ่ม B ซึ่งเชื่อว่าเป็นการแย่งกันของอิหร่าน, เวลส์และสหรัฐอเมริกา ขณะที่อังกฤษยังดูแกร่งกว่าเพื่อนร่วมกลุ่มและน่าจะจบในฐานะแชมป์กลุ่ม.