ซาเล็ม อัล ดอว์ซารี่ จอมทัพของซาอุดิอาระเบียทำ 2 ประตูพลิกกลับมาแซงช็อคโลกเอาชนะลิโอเนล เมสซี่และทีมชาติอาร์เจนติน่า
SAUDI ARABIA SHOCK THE WORLD 🤯 pic.twitter.com/tOFvllbfeD
— 433 (@433) November 22, 2022
ก่อนเกมนี้อาร์เจนติน่าไม่แพ้ใครมา 35 เกม และถูกวางไว้เป็นเต็งสองของรายการต่อจากบราซิล
ฟุตบอลโลก ในกลุ่ม C ระหว่างอาร์เจนติน่ากับซาอุดิอาระเบียเริ่มต้นในแบบที่ทุกคนคาดหมาย ทัพฟ้าขาวสามารถเบิกสกอร์แรกได้อย่างรวดเร็วจากจุดโทษของลิโอเนล เมสซี่ และมีโอกาสได้อีกถึง 3 ลูกที่ส่งบอลเข้าประตูได้แล้ว แต่ไม่ได้ประตูจากการเช็คด้วย VAR ก่อนจบลงด้วยสกอร์ 1-0 ที่ทีมแชมป์โคปา อเมริกากุมความได้เปรียบไว้หมด
แต่เกมในครึ่งหลังเริ่มต้นมาได้อย่างไม่คาดคิด เมื่อซาอุดิอาระเบียมาได้ประตูตามตีเสมอจากซาเล็ม อัล ดอว์ซารี่ ยิงประตูเรียกเสียงเชียร์กึกก้องของแฟนบอลซาอุฯ ที่ข้ามพรมแดนมายังกาต้าร์
ถัดมาแค่ 10 นาที อัล ดอว์ซารี่ได้ทำให้แฟนบอลทั้งโลกช็อคหนักขึ้นไปอีก จากการได้บอลทางฝั่งซ้ายแล้ว แล้วล็อกหาจังหวะยิงได้สำเร็จ ส่งบอลผ่านมือนายทวารอาร์เจนไตน์ที่ทำได้แค่ปัดสุดปลายนิ้ว
Saudi Arabia's Mohammed Al Owais is the Player of the Match. He made FIVE saves against Argentina 🧱🏆 pic.twitter.com/m1f5CuvXcb
— ESPN FC (@ESPNFC) November 22, 2022
อาร์เจนติน่าพยายามที่จะเร่งเอาประตูคืน แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถส่งบอลผ่าน โมฮาเหม็ด อัล โอวาอิส นายทวารที่ได้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของเกมเข้าไปเป็นประตูตีเสมอ หมดเวลาต้องพบกับความปราชัยต่อทีมโซนเอเชียเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
อาร์เจนติน่าเหลืออีก 2 เกมให้ลุ้นหาโอกาสเข้ารอบ หลังจากที่เม็กซิโกและโปแลนด์เสมอกันไป 0-0 ขณะที่ซาอุดิอาระเบียสามารถมองถึงการผ่านเข้ารอบต่อไปได้เป็นหนที่สองจากการอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูง ซึ่งหนเดียวที่พวกเขาผ่านเข้ารอบ 16 ทีมได้เกิดขึ้นในปี 1994
หลังได้ชัยชนะสุดช็อคโลก กษัตริย์บิน ซัลมานของซาอุดิอาระเบียได้ประกาศให้เป็นวันหยุดพิเศษ 1 วันทันทีเพื่อให้แฟนบอลได้ฉลองกันอย่างเต็มที่.