ทีมชาติเวลส์สิ้นสุดการรอคอย 64 ปีสำหรับการไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย หลังชนะยูเครนได้ในรอบชิงเพลย์ออฟ 1-0 ด้วยประตูที่อังเดรย์ ยาร์มาเลนโก้ ทำพลาดเข้าประตูตัวเอง
WALES. HAVE. DONE. IT.
A 1-0 win over Ukraine in the play-off final gets the job done!
The 64-year wait to appear at a World Cup finals is over! #BBCFootball #WALUKR
— BBC Sport (@BBCSport) June 5, 2022
เกมที่มิลเลนเนี่ยม สเตเดี่ยมในกรุงคาร์ดิฟฟ์ จบลงด้วยคำอธิบายของแกเร็ธ เบล กัปตันทีมมังกรแดงที่ว่าเป็นประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่ของวงการฟุตบอลเวลส์ เมื่อทีมสามารถผ่านเข้ารอบสุดท้ายได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1958
เกมในสนามดำเนินไปถึงนาที 34 ลูกยิงฟรีคิกของแกเร็ธ เบลข้ามกำแพงมาแล้ว และเป็นอังเดรย์ ยาร์มาเลนโก้ที่พยายามพุ่งโหม่งให้ออกหลังไป แต่บอลที่เปียกฝนแค่แฉลบหัวกองหน้ายูเครนก่อนผ่านนายทวารจอร์เกีย บุชชานเข้าประตูไป ครึ่งหลังแม้ทีมเยือนอย่างยูเครนจะครองเกมบุกมากกว่าแต่ก็ดึงประตูกลับคืนไปไม่ได้ โดยเฉพาะการเจอซุปเปอร์เซฟของเวย์น เฮนเนสซี่ ผู้เล่นยอดเยี่ยมในเกมนี้
เวลส์เองก็พลาดโอกาสทองที่จะหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะให้บอลของเบลไปยิงลูกทีมได้ส่อง แต่เบร็นนาน จอห์นสันลั่นไกไปตรงเสา แต่อย่างไรก็ตามเกมที่จบลงด้วยประตูที่นำอยู่ก็เพียงพอพาเวลส์ไปกาต้าร์ปลายปีนี้
“มันเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก ไม่ใช่แค่กับผม แต่กับพวกเราทุกคนที่อยู่ในสนามคืนนี้ ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงไป ทีมสต๊าฟ ทุกๆ คนเลย” เฮนเนสซี่ กล่าวหลังเกม
“นี่อาจจะเป็นเกมที่ดีที่สุดในเสื้อทีมชาติของผมแล้ว มันเป็นกุญแจที่พาทีมไปยังรอบสุดท้าย พวกคุณต้องให้เครดิตกับยูเครนด้วย พวกเขาเป็นทีมที่น่าประทับใจมาก แต่ผมทำได้ดีกว่าพวกเขาในเกมเท่านั้น” เฮนเนสซี่ที่เซฟอุตลุดถึง 9 หนในเกมกล่าว
Some dates for your diary! 🖊 📔 ⚽️ 🏴😅#WALUKR pic.twitter.com/koxSo3jZZL
— BBC Sport Wales (@BBCSportWales) June 5, 2022
ชัยชนะของทีมเวลส์ส่งให้ที่ว่างในกลุ่ม B ซึ่งมีสหรัฐอเมริกา, อิหร่านและอังกฤษเข้าไปรออยู่ก่อนแล้วถูกเติมเต็ม โดยโปรแกรมเกมแรกของทัพมังกรแดงจะลงสนามพบกับอเมริกาในวันที่ 21 พฤศจิกายนที่อาเหม็ด บิน อาลี สเตเดี่ยมในเมืองอัล รายยาน
หนสุดท้ายที่เวลสส์อยู่ในสนามฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเป็นเกมรอบ 8 ทีมที่สวีเดนในปี 1958 ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะแบบหืดจับของบราซิล แชมป์โลกในปีนั้น.