ฟุตบอลโลก 2026 จะวนกลับไปแข่งขันในอเมริกาเหนืออีกครั้ง โดยคราวนี้เจ้าภาพร่วมทั้งสหรัฐอเมริกา, แคนาดาและเม็กซิโก จะได้จัดศึกเบอร์หนึ่งของโลกที่มีทีมเข้ารวม 48 ทีมเป็นครั้งแรก
Inside Los Angeles’ Bidding Process to Host the 2026 World Cup https://t.co/nMjYQ9gxnb
— Steve Hilton’s Rebel Base (@CARebelBase) June 16, 2022
จากจำนวนทีมเข้าร่วมที่มากขึ้น ทำให้ฟุตบอลโลกที่จะจัดในปี 2026 มีเกมให้ติดตามชมมากถึง 80 นัดตลอดทัวร์นาเม้นต์ เพิ่มจาก 64 เกมในบอลโลกที่กาต้าร์ แต่เกมการแข่งขัน 60% จะอยู่ในสหรัฐอเมริกา โดยที่แคนาดาและเม็กซิโกจะได้รับสิทธิ์เป็นเจ้าภาพสนามในเกมที่เหลือ
ในแคนาดาได้รับสิทธิ์จัด 3 เมืองที่โตรอนโต้, แวนคูเวอร์และเอ็ดมอนตัน ส่วนที่เม็กซิโกจะเป็นที่เมืองหลวงเม็กซิโก้ ซิตี้, กัวดาลาฆาร่าและมอนเทอร์เรย์ ขณะที่ในสหรัฐต้องแย่งกันแค่ 10-12 เมืองจากที่เสนอตัวกัน 17 เมือง
เอสตาดิโอ เอซเตก้า ในกรุงเม็กซิโก้ ซิตี้ที่เคยเป็นเจ้าภาพบอลโลกมาแล้วในปี 1970 และ 1986 จะกลายเป็นสนามแรกที่ได้รับหน้าที่สมัยที่ 3
Which U.S. Cities Will Host The 2026 World Cup? FIFA To Announce 10 Winners Thursday. https://t.co/UBBy7YUfLB
— Interactive Sponsor (@isponsor) June 16, 2022
ขณะที่ในสหรัฐมีสองสนามที่อยู่ในกลุ่มตัวเลือกและเคยมีประสบการณ์จัดการแข่งขันมาแล้วในปี 1994 ไม่ว่าจะเป็นโรส โบลว์ที่ฟลอริด้าและซิตรีส โบลว์ที่ออร์แลนโด้ ซึ่งปัจจุบันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางฟุตบอลสำหรับทีมในเมเจอร์ลีกไปไกลกว่าสมัยที่จัดบอลโลกครั้งนั้นอย่างมาก
ในจำนวนสนามที่หลุดออกมาว่าถูกล็อกเอาไว้แล้วของสหรัฐมีทั้งที่เท็กซัส, นิว เจอร์ซี่และแคลิฟอร์เนีย ขณะที่สนามตัวเลือกทั้งหมดในอเมริกาก็พร้อมที่จะทำให้สถิติการเข้าชมสูงสุดอีกครั้ง จากการที่สนามเกือบทั้งหมดต่างมีความจุเกิน 60,000 ที่นั่งหรือมากกว่า.