นาโปลี จ่าฝูงของเซเรีย อา ฤดูกาลนี้ยังคงรักษาฟอร์มอันร้อนแรงได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่บุกไปเอาชนะโรม่าได้ 1-0 เก็บชัยชนะเกมที่ 11 ติดต่อกันทุกรายการ
Napoli in all competitions this season 👇
0 losses ❌
43 goals 😳
13 conceded 🔒
11 straight wins ✅
Beaten Liverpool, Ajax (2x), Milan, Roma, Lazio 💪What an incredible start for Gli Azzurri 🔵 pic.twitter.com/YvlEfeB03O
— CBS Sports Golazo ⚽️ (@CBSSportsGolazo) October 23, 2022
ฤดูกาลใหม่ของทัพเดอะ อัซซูร์รี่ เต็มไปด้วยความร้อนแรง หลังจากผ่าน 15 เกมแรกโดยไม่แพ้ใคร เป็นการชนะถึง 13 เกม โดยสะดุดเสมอฟิออเรนติน่าและเลชเช่ในช่วงต้นซีซั่น หลังจากนั้นก็ไล่ถล่มเอาชนะคู่แข่ง 11 เกมรวดจนถึงเกมล่าสุดกับโรม่า
กุนซือลูเซียโน่ สเปลเล็ตติ พาลูกทีมบุกไปเอาชนะโรม่า ทีมของกุนซือโฆเซ่ มูรินโญ่ถึงโอลิมปิก สเตเดี่ยมได้ 1-0 จากการทำประตูของวิคเตอร์ โอชิมเฮ็น ในนาทีที่ 80
แม้ว่ารูปเกมส่วนใหญ่แล้วจะเป็นทางโรม่าที่ทำได้ดีกว่าและมีโอกาสใกล้เคียงที่จะได้ประตูหลายครั้ง แต่เมื่อไม่สามารถทำประตูที่ต้องการได้จึงโดนลงโทษจากดาวยิงทีมชาติไนจีเรีย
การเก็บได้อีก 3 คะแนนในเกมที่ยากแบบนี้ ทำให้นาโปลีขยับเพิ่มเป็น 29 คะแนน หนีห่างเอซี มิลานที่เอาชนะมอนซ่าได้ในวันก่อนหน้าไป 3 แต้ม
Victor Osimhen’s 80th min strike sealed all 3 points for Napoli against Roma 🇳🇬🤩
What a talent 🇳🇬👏 pic.twitter.com/yv7jaZeluA
— Urban Football (@ufs_ng) October 23, 2022
สถิติชนะต่อเนื่อง 11 นัดของนาโปลีในคราวนี้ เทียบเท่ากับที่เคยเกิดขึ้นในสมัยที่ดิเอโก้ มาราโดน่า ยอดนักเตะในตำนานของทีมเคยทำไว้เมื่อปี 1986 ซึ่งผลสุดท้ายในฤดูกาลนั้น นาโปลี คว้าแชมป์เซเรีย อาสำเร็จ และสามารถคว้าสคูเด็ตโต้ได้อีกครั้งในปี 1990 โดยเป็นการคว้าแชมป์เพียงสองครั้งในประวัติศาสตร์สโมสรจนถึงปัจจุบัน
สถิติชนะต่อเนื่องของนาโปลีในยุคกุนซือสเปลเล็ตติมีโอกาสเพิ่มขึ้นไปอีก จากเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกที่จะเจอกับเรนเจอร์สซึ่งยังไม่ชนะใคร ต่อด้วยการเจอซัสซูโอโล่ที่อยู่ในอันดับกลางตารางลีกอิตาเลี่ยน.