ดีเอ็นเอของผู้ชนะ ทัพตราไก่ ฝรั่งเศสเตรียมกลับสู่ความน่าเกรงขาม

 

แม้จะตกรอบฟุตบอลยูโร 2020 ด้วยการแพ้พลิกล็อกให้กับการดวลจุดโทษต่อทีมสวิสเซอร์แลนด์ แต่ขุนพลทีมชาติฝรั่งเศสก็กลับสู่ความมั่นใจได้อีกครั้ง ด้วยการคว้าแชมป์เนชั่นส์ ลีก

 

 

ที่น่าสนใจคือลูกทีมของกุนซือดิดิเช่ร์ เดสชองส์ สามารถสร้างผลงานเป็นทีมฆ่าไม่ตาย ด้วยการตามหลังเบลเยี่ยม 2-0 ก่อนพลิกกลับมาชนะ 3-2 ในรอบรองชนะเลิศ และแซงตบสเปน 2-1 หลังจากโดนยิงไปก่อน

 

รูปแบบการเล่นใดๆ ก็ตาม เมื่อมันประสบความสำเร็จบ่อยครั้ง มันก็จะเสริมความมั่นใจให้กับทีมและผู้เล่น รวมถึงแฟนบอลด้วย ซึ่งมันจะคล้ายกับการปลูกดีเอ็นเอความเชื่อลงไป

 

ฝรั่งเศสตั้งแต่ได้คาริม เบนเซม่า ดาวยิงจากเรอัล มาดริดกลับมาจากการโดนแบนจากชุดทีมตราไก่อย่างยาวนาน ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มการเล่นดีแบบเร่งด่วนทันในยูโร 2020 แต่ก็ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ

 

ห้าเกมตั้งแต่ตกรอบศึกยูโร ฝรั่งเศสเสมอสองนัดให้กับบอสเนียและยูเครนในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก ก่อนที่จะกลับมาสะกดคำว่าชนะเป็นในการเจอฟินแลนด์ พอเข้าสู่เนชั่นส์ ลีก การยิงประตูของคาริม เบนเซม่า กลายเป็นตัวจุดระเบิดให้ฝรั่งเศสกลับสู่เกมได้ทั้งสองนัด

 

ทัพตราไก่จะลงเล่นรอบคัดเลือกบอลโลก โซนยุโรปของกลุ่ม D อีกครั้งสองเกมในเดือนหน้า โดยนำเป็นจ่าฝูงเหนือยูเครน 3 แต้มและเกมที่เหลือมากกว่า 1 นัด ไม่น่าจะมีปัญหาในการเข้ารอบสุดท้ายที่กาต้าร์แต่อย่างใด

 

 

ถึงนาทีนี้ทีมชาติฝรั่งเศสกลายเป็นทีมแรกของยุโรปที่ได้แชมป์ครบทั้ง 5 รายการ บอลโลก, บอลยูโร, ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก, ฟีฟ่า คอนเฟดเดอเรชั่น และรายการอาร์เตมิโอ ฟรังคี่ระหว่างแชมป์อเมริกาใต้กับยุโรป ขณะที่เดสชองส์ก็ชูโทรฟี่รางวัลในฐานะผู้จัดการทีมแล้วสองรายการใหญ่

 

แต่ที่น่าจับตามองต่อไป ก็คือบรรดาผู้เล่นสำหรับสร้างขุมกำลังในอนาคต ที่จะถูกกุนซือเดสชองส์เรียกเข้ามาในโปรแกรมทีมชาติจากนี้ จะได้รับการถ่ายทอดความเป็นผู้ชนะได้มากขึ้นแค่ไหน เพราะถ้ามองลงไปที่ผู้เช่นทีมชุดใหญ่ในรายการล่าสุด ทุกขุมกำลังของกุนซือทีมเมืองน้ำหอมมีนักเตะอายุน้อยในช่วง 20 ต้นๆ ที่สามารถใช้งานได้ถึงฟุตบอลโลกหนหน้าเกินครึ่งทีมแล้ว.

 

Scroll to Top