เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของลิเวอร์พูลรับไม่ได้ผลงานลูกทีม โดยเฉพาะเกมรับที่เสียถึง 5 ประตูกับเรอัล มาดริด จนเสี่ยงตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีก
Liverpool have become the first team in Champions League history to lead 2-0 then lose by a three-goal margin 😳 pic.twitter.com/HqNojZlHLv
— ESPN UK (@ESPNUK) February 22, 2023
เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอ้าท์เกมแรกที่แอนฟิลด์ กลายเป็นเกมที่เจอร์เก้น คล็อปป์ นายใหญ่ของลิเวอร์พูลผิดหวัง จากการที่ไม่สามารถรักษาโมเม้นตัมที่ทีมนำไป 2-0 ตั้งแต่ต้นเกม แต่แสดงให้เห็นความผิดพลาดในเกมรับจนถูกเรอัล มาดริดยิงแซง 5 ลูกรวด
“ผมคิดว่าเราใม่ควรปล่อยให้เสียไป 5 ประตู ทั้งที่น่าจะทำอะไรได้ดีกว่านั้น เราเห็นช่วงต้นเกมที่ดีในครึ่งแรก ผมชอบมากๆ กับสองประตูที่เราทำได้ แต่กับสองประตูที่เสียไป เราน่าจะตั้งรับได้ดีกว่านั้น ประตูแรกเรามีนักเตะมากพอตรงตำแหน่งนั้น แต่ไม่มีใครแหย่เท้า มุมมันแคบมากแต่ก็เป็นจังหวะระดับโลกของวินิซิอุสเช่นกัน”
“ครึ่งแรก มันค่อนข้างดีหากพูดตามตรง ถ้าหากเรายังคงทำแบบนั้นอยู่ (ในครึ่งหลัง) พวกเขาจะเจอปัญหา แต่กลายเป็นว่าเราเริ่มต้นด้วยการเสียประตูที่ 3 มันเป็นประตูที่หลอนและเปลี่ยนแปลงเกม” คล็อปป์บอก
🚨 When Karim Benzema & Luka Modric were substituted off, Liverpool fans gave them a Standing Ovation with huge Applauses despite Real Madrid Thrashing Liverpool 2-5! ❤️👏👏
Courtois: "It's nice that Anfield appreciate the football that Benzema and Modrić have given." ⚽🤍 pic.twitter.com/KCYIBQ4Noc
— Troll Football (@UKTrollFootball) February 22, 2023
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยอมรับว่าทีมมีปัญหากับการโต้กลับที่อันตรายทุกครั้งของเรอัล มาดริด ซึ่งเป็นที่มาของผลการแข่งขัน และการตามหลังถึง 3 ประตูในการไปเยือนทำให้ต้องเสี่ยงเล่น ซึ่งทำให้ทีมน่าจะเจอเรื่องยุ่งยากกว่า แต่ก็พร้อมพาลูกทีมไปเพื่อชนะเกมนั้น
ลิเวอร์พูลเคยพลิกสถานการณ์ตามหลังสุดกู่กลับมาได้หลายครั้งในเกมยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเกมที่ตาม 3-0 ให้กับเอซี มิลาน ในครึ่งแรกที่อิสตันบูล นัดชิงของปี 2005 หรือเกมรอบรองชนะเลิศปี 2019 ที่ออกไปแพ้บาร์ซ่ามา 3-0 ในนัดแรกแล้วกลับมาชนะ 4-0 ที่แอนฟิลด์ แต่ความยากคือเกมนี้จะไปเล่นที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบวของเรอัล มาดริด.