จอร์จินโย่ ไวนัลจ์ดุม กัปตันทีมฮอลแลนด์ในเกมที่กัปตันตัวจริงอย่างเวอร์กิล ฟาน ไดจ์ค ได้แค่เป็นตัวประกอบข้างสนามในฐานะทีมสต๊าฟ สามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจด้วยการพาอัศวินสีส้มเก็บ 9 แต้มเต็ม แถมทีมสะท้อนความแข็งแกร่งออกมาเรื่อยๆ
#Netherlands make history as #Wijnaldum surpasses #VanBastenhttps://t.co/EvyE3ZV7xL pic.twitter.com/IDkseiQMJb
— GoalooNG (@goaloong) June 22, 2021
เนเธอร์แลนด์ลงเล่นนัดสุดท้ายในอัมสเตอร์ดัม ด้วยการการันตีเข้ารอบไปแล้ว แต่การเจอกับนอร์ท มาซิโดเนีย ยังเป็นงานตามหน้าที่ และด้วยความไม่กดดัยใดๆ เมมฟิส เดปาย ทำประตูขึ้นนำตามฟอร์มในครึ่งแรก ทีมฮอลแลนด์นำ 1-0
ครึงหลังฮอลแลนด์มีสองประตู จากการสอดเข้ามาถึงจุดยิงเหมือนอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอของจอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม นำมาซึ่งประตู 2-0 และ 3-0
ลูกทีมของแฟร้งค์ เดอ บัวร์ สร้างความสมดุลทั้งเกมรุกและเกมรับได้อย่างดีเลิศ โดยเฉพาะแดนกลางของทีมที่ประสานกันไหลลื่น ภายใต้การบัญชาการทัพของอดีตดาวเตะลิเวอร์พูลที่ย้ายไปอยู่กับเปแอสเชในฤดูกาลหน้า
อดีตห้องเครื่องของลิเวอร์พูลคือผู้เล่นเบอร์ 10 ในทีมฮอลแลนด์ชุดนี้ ทำได้ทั้งเกมรุกและเกมรับในระดับสุดยอด เมื่อรวม 2 ประตูในเกมนี้ ทำให้นักเตะกองกลางคนนี้ทำไป 25 ประตูในทีมชาติ มากกว่าผู้เล่นกองหน้าในทีมชุดนี้และมากกว่าตำนานนักเตะอย่างเดิร์ก เค้าท์หรือมาร์โก ฟาน บาสเท่นเสียอีก
#NSTsports Georginio #Wijnaldum scored twice as the #Netherlands completed a perfect group stage at #Euro2020 by comfortably beating #NorthMacedonia 3-0 in Amsterdam on Monday.https://t.co/tSyQQL6olN
— New Straits Times (@NST_Online) June 22, 2021
ต่อหน้าแฟนบอลกว่า 12,000 คน ในสนามโยฮันส์ ครัฟฟ์ ทั้ง 3 เกม ฮอลแลนด์ได้ประตูจากไวจ์นัลด์ 3 ลูก มีส่วนในการขับเคลื่อนทีมให้เดินอย่าง
ไหลลื่น เคลื่อนที่ในแดนรับสู่แดนรุกอย่างเป็นประโยชน์ ซึ่งการมีอยู่ของไวจ์นัลดุมทำให้นักเตะรุ่นน้องอย่าง แฟร้งกี้ เดอ ยอง, ไรอัน กราเวนเบิร์ชและเดนเซล ดุมฟรายส์สามารถเล่นได้อย่างอุ่นใจ
เนเธอร์แลนด์ทะยานเข้าสู่รอบน็อคเอ้าท์ ด้วยการชนะรวด ยิง 8 เสีย 2 เข้าไปรอพบกับทีมอันดับ 3 ที่ดีที่สุดจากสาย D/E/F ที่ยังต้องตัดสินกันในนัดสุดท้าย.